ติสท์อยากเขียน

Thailand Mobile Expo โฉมใหม่ เวอร์ชันใหญ่จุใจ “มาถูกทาง หรือจบแค่ย้ายชั่วคราว?”

เปิดฉากกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับงานมือถือรอบต้นปี กับ “Thailand Mobile Expo 2019” ซึ่งรอบนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างหนักในหนึ่งเรื่อง นั่นคืองานย้ายสถานที่จัดจากเดิมที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถนนรัชดาภิเษก ไปอยู่ที่ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมนานาชาติไบเทค บางนา ถนนเทพรัตน ข้อดีของสถานที่ใหม่ที่ทุกคนน่าจะรู้กันอยู่แล้ว นั่นคือขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าของเดิมหลายเท่าตัวมาก แต่ข้อเสียที่หลายคนก็พูดถึงกันมากเช่นกัน นั่นก็คือเรื่องของทำเลที่ตั้งและการเดินทางไปร่วมงาน แม้สถานที่ใหม่มีรถไฟฟ้า BTS ไปจอดให้ถึงหน้าศูนย์ฯ แถมมีสกายวอลค์ไว้เดินชิว ๆ เข้างานได้ทันที แต่ก่อนที่งานรอบนี้จะเริ่มก็มีเสียงก่นด่าอยู่หลายครั้งหลายคราเหมือนกัน เพราะนับตั้งแต่ที่ทาง MVP หรือ บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงานนี้ ได้ออกประกาศจัดงานรอบหน้าพร้อมย้ายสถานที่ ก็มีแต่เสียงติในเรื่องนี้มาตลอดว่าไกล คงไม่ได้มาอีก อะไรทำนองนี้ แต่อีกนัยหนึ่งก็บอกว่าเหมาะสมแล้ว เพราะสเกลงานมีขนาดใหญ่มากขึ้น การใช้สถานที่ก็ต้องใหญ่ตามสเกลงานด้วยเช่นกัน

การย้ายมาไบเทคของงาน TME รอบนี้ไม่ใช่รอบแรกที่มีการย้ายมา เพราะรอบเมื่อกลางปี 2555 MVP ก็เคยลองจัดงานที่ไบเทครอบหนึ่งแล้วเช่นกัน แต่ด้วยข้อจำกัดด้านสถานที่ในขณะนั้นที่ไบเทคไม่สามารถเชื่อมกับ BTS ได้ ประกอบกับระยะทางจากฮอลล์จัดงานจนถึงสถานี BTS นั้น “ไกลมาก” ชนิดที่ว่าเดินกันทีขาแทบลาก ผลก็เลยลงเอยที่คำว่า “ยอดคนมางานตกลง” ซึ่งผลที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากงานในครั้งนั้นจบลงไป นั่นก็คืองานรอบปลายปี 2555 MVP ได้ตัดสินใจย้ายกลับไปจัดที่เดิมคือศูนย์สิริกิติ์ฯ จนถึงครั้งสุดท้ายคือรอบปลายปี 2561 ที่ผ่านมา

7 ปี ต่อมา วันนี้… สถานที่ก็พร้อมมากกว่าเดิมแล้ว เพราะทางไบเทคเองก็ได้มีการก่อสร้างส่วนต่อขยายเพิ่มเติมออกมาอีก 3 ฮอลล์จนชนฝั่งถนนสุขุมวิท และกรุงเทพมหานครเองก็ได้มีการสร้างสกายวอล์คเป็นเรื่องเป็นราวเสียที ความสะดวกยังไงก็ครบครันกว่าเดิมชนิดที่ว่าเดินจากสกายวอล์คเข้าไบเทค แค่ลงบันไดเลื่อนไปก็เจอฮอลล์งานเลย ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่รอบนี้ทาง M Vision เลือกที่จะย้ายถิ่นฐานกลับมาที่ไบเทคอีกครั้ง

วันนี้ทีมงานแกดกวนเราเลยตัดสินใจ ออกเดินทางไปงานนี้ยกคณะ เพื่อพิสูจน์และเทียบกับเวอร์ชันเดิมว่า เวอร์ชันใหม่นี้ ทำออกมาดีกว่าจนตัดสินใจอยู่ถาวร หรือแค่ย้ายเข้ามาชั่วคราวแล้วกลับที่เดิมเมื่อสถานที่พร้อมกันแน่? เพราะที่แน่ ๆ งานต้องอยู่ที่ไบเทคไปอีก 3 ปี หรืออยู่ไปจนกว่าศูนย์สิริกิติ์ฯ ดำเนินการปรับปรุงแล้วเสร็จทั้งหมด เอาล่ะครับ ถ้าพร้อมแล้ว คาดเข็มขัด แล้วตามมาดูกันได้เลยครับ

 

“สามสี่โซน VS แค่ฮอลล์เดียว” แบบไหนลงตัวกว่า

สิ่งแรกที่เปลี่ยนไปอย่างมากจากงานฉบับเดิม นั่นก็คือขนาดของพื้นที่ที่มีมากกว่าเดิมถึงหลายเท่า จากเดิมที่งานต้องซอยพื้นที่ออกไปหลายโซนทั้งฮอลล์หลัก โถงหน้างาน ห้องประชุม ห้องบอลรูม หรือแม้แต่โซน C/D ของศูนย์สิริกิติ์ งานรอบนี้เราจึงได้เห็นคอนเซปท์ใหม่ของงานอย่างแท้จริง นั่นคือการ “รวมเอาทุกอย่างจบที่ฮอลล์เดียว” แม้สิ่งที่เกิดขึ้น คือการใช้ฮอลล์ย่อย 2 ฮอลล์ คือ EH98 และ EH99 เปิดพื้นที่รวมกันทั้งหมด แต่ด้วยภาพรวมของงาน ณ สถานที่จริงแล้ว เมื่อทุกอย่างถูกรวมกันไว้ที่เดียว นี่คือความสมบูรณ์แบบที่ TME ควรจะมีตั้งนานแล้ว

บริเวณกึ่งกลางของฮอลล์ (Row H ในแผนผัง) เป็นพื้นที่ที่แยกชัดเจนระหว่างบูธใหญ่ กับบูธเล็ก ๆ ในงาน

การแบ่งซอยโซน จริงอยู่ที่ทำให้เราไม่ได้กระจุกอยู่แค่ฮอลล์หลักของงาน แต่ในหลาย ๆ ครั้ง ศูนย์สิริกิติ์ฯ มักจะมีงานอื่นจัดแทรกงาน TME อยู่ร่ำไป ซึ่งทำให้เราโฟกัสที่งานไม่ได้ว่าจริง ๆ แล้ว คน ๆ นี้ มาแค่งานมือถือ หรือมาแค่งานอื่น ๆ กันแน่ แต่งานที่ไบเทคจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะด้วยขนาดฮอลล์ที่ใหญ่ สามารถยัดทุกอย่างจบไว้ได้แค่ฮอลล์เดียว ทำให้การเดินงานเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็จบครบทั้งงานแล้ว แถมยังกวาดสายตาดูสิ่งที่น่าสนใจได้หลาย ๆ อย่าง เพียงแค่นี้ก็คงเพียงพอสำหรับเหตุผลว่า “ทำไมถึงเลือกไบเทค” แล้ว

บริเวณ Concourse 98-99 (ทางเดินหน้าฮอลล์) เป็นพื้นที่จัดแสดงเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ MVP จะดำเนินการต่อไปหลังจากนี้

แต่นอกจากฮอลล์หลักแล้ว งานในรอบนี้ยังได้มีการใช้ทางเดินในส่วน Concourse 98 และ Concourse 99 เป็นการเพิ่มเติม เพื่อจัดงานโชว์เคสยานยนต์ไฟฟ้าที่ทาง MVP เองมีโครงการดำเนินการร่วมกับ dtac ภายในปีนี้ ดังนั้นงานมือถือรอบนี้จึงไม่ใช่มีแค่มือถือ แต่จะมีเทคโนโลยี แกดเจ็ท และสิ่งใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ผสานเข้าไปอยู่ภายในงานนี้ด้วยเช่นกัน

 

ใหญ่แค่ไหนคนก็ยังเยอะ ตามสไตล์ TME

ตามธรรมเนียมของงาน TME แล้ว เราจะเห็น “มวลมหาประชาชน” มารวมงานเยอะกันตั้งแต่วันแรก รอบนี้ก็เช่นกันการย้ายสถานที่ไม่ใช่อุปสรรค์อะไรเลย แถมยังมีทาง Rabbit Line Pay ช่วยจัดโปรโมชันลดค่า BTS เที่ยวกลับสูงถึง 30 บาท มันก็เลยลงเอยที่ คนมางานก็เยอะเป็นปกติตามที่ TME เป็นอยู่ทุกรอบร่ำไป

บูธ dtac ที่เน้นโชว์แพลตฟอร์ม EV Connectivity มากกว่าการขายมือถือ ถือเป็นอีกสีสันของงานรอบนี้

แม้ว่างานนี้จะมีสิ่งที่เปลี่ยนไปหลายอย่าง เช่น Samsung ถอนตัวออกจากงานรอบนี้ (แต่มาในแบบบูธของ Jaymart) และมีตัวแย่งซีนคือการเปิดสั่งจองเครื่องฟอกอากาศ Mi Air Purifier ล็อตสุดท้ายในประเทศไทยก่อนของขาดตลาด แต่การซื้อขายมือถือในบูธต่าง ๆ ก็ยังไหลลื่น ไม่ได้มีข้อจำกัดอะไรมากมายนัก เพราะรายอื่น ๆ ที่ลงสนามสมาร์ทโฟนในไทย ก็ยังคงขายได้เรื่อย ๆ เช่น Huawei/Oppo/Vivo หรือแม้แต่ฝั่ง Telco เองก็ขนบูธขนาดใหญ่ออกมาร่วมแจมด้วยมือถือรุ่นอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีบูธเป็นของตัวเองร่วมขายด้วย นั่นจึงเป็นปัจเจกปัจจัยว่า ต่อให้ย้ายสถานที่ คนก็ยังตามมาหาโปรฯ เด็ด ๆ ที่มีเฉพาะในงานเยอะอยู่ดี

“Studio 7” น้องใหม่ของงานมือถือรอบนี้

คือมันก็ไม่ใช่ข้อเสียเหมือนงานรอบก่อน ๆ นะครับ เพราะการที่คนที่ไบเทคเยอะ นั่นหมายความว่าสเกลงานที่จัดนั้นใหญ่ขึ้นจริง และความที่มันครบ และจบภายในฮอลล์เดียว นั่นแสดงว่าพื้นที่ไบเทคสามารถรองรับจำนวนคนมาร่วมงานได้เยอะมากด้วยเช่นกัน ประกอบกับทาง MVP วางผังและทางเดินภายในงานให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม Flow การเดินภายในงานก็เลยไหลลื่นกว่าฝั่งศูนย์สิริกิติ์เป็นเท่าตัว ฉะนั้นแล้วขนาดที่ใหญ่ จุคนได้เยอะเป็นจำนวนมากจึงเป็นเรื่องที่ดีมาก ไม่ได้เป็นข้อเสียอะไรเลยแม้แต่น้อย

 

จะได้อยู่ต่อ หรือย้ายกลับที่เดิม คนมางานคือคนตัดสิน

แม้ว่าการย้ายมาไบเทคเป็นเพียงแค่ “แผนชั่วคราว” ระหว่างศูนย์สิริกิติ์ฯ อยู่ในระหว่างการปรับปรุง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีแผนอยู่ถาวรเสียทีเดียว เพราะถ้ารูปแบบงานภายใน 3 ปีนับจากนี้ (อีกประมาณ 8-10 รอบ) ขยายตัวไปมากกว่าเดิมอีกจนศูนย์สิริกิติ์ฯ โฉมใหม่ก็ไม่พอ เราอาจจะได้เห็นงาน TME ปักหลักที่ไบเทคถาวรก็เป็นได้ แต่ว่านั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งก็ต้องสอดคล้องไปกับผลตอบรับของประชาชนที่มาชมงานด้วยเช่นกัน

Huawei บูธใหญ่ที่สุดในงาน แย่งซีนมากที่สุดในงาน และคนก็เยอะตามไปด้วย

สำหรับตัวทีมงานแล้ว หลังจากที่ได้มาเดินสองวัน ก็ค่อนข้างโอเคกับงานในรอบนี้ เพราะงานรวม ๆ สามารถเดินได้ง่ายขึ้น Flow คนภายในงานดีขึ้น และทุกอย่างจบที่ฮอลล์หลักเพียงฮอลล์เดียว ไม่ต้องไปเดินตามหาตามซอกซอยต่าง ๆ ให้เหนื่อยฟรีเหมือนครั้งก่อน ๆ หรือก็คือ แบบนี้มันครบแล้ว พอแล้ว ไม่ต้องทำอะไรแล้วนั่นแหละครับ

ฉะนั้นแล้ว อีก 3 ปีนับจากนี้ ก็อยากให้ลองเปิดใจแล้วมาเดินชมงาน ณ สถานที่ใหม่กันดู ไม่แน่ว่าเมื่อมาเดินแล้ว อาจจะชอบเหมือนทีมงานก็ได้นะครับ ใครจะไปรู้ ^^

คณะแกดกวน #teamgadguan

อริญชย์ ชวะโนทัย (iBehemortHz)

เด็ก ป.โท ผู้สนใจในโลกดิจิทัลและสังคม และคอยเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงผ่านสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า "หน้าจอ" :)