ท่ามกลางกระแสวิเคราะห์คาดการณ์ถึงทิศทางยอดขายของโทรศัพท์ iPhone X ที่เกิดขึ้นมาตลอดช่วงสามเดือนระหว่างมกราคมถึงมีนาคม 2018 ซึ่งบรรดากูรูตลาดทายทักกันว่ายอดขายสินค้า Apple เริ่มเข้าเกณฑ์ที่จะชะลอตัวลงอย่างมีนัยยะ ก็มาถึงวันที่บริษัทได้แถลงผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปีอย่างเป็นทางการ โดยทาง Apple มีรายได้เข้ามาที่ 6.11 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และทำกำไรได้ 1.38 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ด้านยอดขาย iPhone ทำได้ 52.2 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 50.8 ล้านเครื่องหรือบวกขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์
สำหรับในกลุ่มสินค้า iPad นั้นทำรายได้เข้ามาที่ 4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากยอดขาย 9.1 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2 เปอร์เซ็นต์ ที่มียอดขาย 8.9 ล้านเครื่อง โดยสินค้าใหม่อย่าง iPhone 8 / 8 Plus และ iPad (2018) นั้นยังไม่ได้ถูกนับรวมยอดขายเข้ามาในรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสดังกล่าวนี้ ธุรกิจอีกหนึ่งส่วนที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด คือกลุ่ม Services ที่มีรายได้ 9.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 7 พันล้านเหรียญ หรือคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 31 เปอร์เซ็นต์ และรักษาระดับเติบโตขึ้นมาแล้วเป็นระยะเวลา 11 ไตรมาสติดต่อเนื่องกัน
สินค้าในกลุ่มเครื่องคอมพิวเตอร์ Mac นั้นผลงานค่อนข้างที่ทรงตัวด้วยยอดขาย 4.1 ล้านเครื่อง ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.2 ล้านเครื่อง แผนกคอมพิวเตอร์ทำรายได้เข้ามาที่ 5.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ไม่เพิ่มหรือลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และในกลุ่มสินค้าอื่นๆ เช่น AirPods, Apple Watch, HomePod หรืออุปกรณ์เสริมมีอัตราการเติบโต ที่เพิ่มขึ้น 38 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา