ข่าวสั้น

เปิดตัว Google Pixel 3 / Pixel 3 XL “เทพได้แบบไม่ต้องพึ่งกล้องคู่”

เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Google กับ Pixel 3 และ Pixel 3 XL ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ก็มีรายละเอียดเหมือนกับเครื่องที่หลุดที่ฮ่องกงก่อนหน้านี้ทุกประการ โดย Pixel 3 จะมีอะไรที่พิเศษไปกว่าสมาร์ทโฟน Android อื่น ๆ ในตลาดบ้างนั้น เราได้สรุปเอาไว้ให้แล้วตามนี้ครับ

(กล้องเดี่ยวก็)เทพได้แบบไม่ต้องพึ่งกล้องคู่

จุดขายหลักของ Pixel 3/Pixel 3 XL ที่ยังยืนยงคงกระพันมาตั้งแต่ Pixel รุ่นแรก นั่นก็คือเรื่องของกล้องที่มีการปรับปรุงและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าใน Pixel 3 จะยังอินดี้ด้วยการไม่ได้ปรับมาใช้กล้องคู่เหมือนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ แต่ Google ก็สามารถเสกให้ฟีเจอร์ทุกอย่างที่อยู่ในสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ และจำเป็นต้องใช้กล้องคู่ช่วยด้วยนั้น ให้มาอยู่ใน Pixel 3 ได้แบบไม่ต้องพึ่งกล้องคู่เลยแม้แต่น้อย ด้วยพลังของคำว่า “AI”

กล้องหลังของ Pixel 3 ยังคงเป็นกล้อง Dual Pixel ความละเอียด 12.2 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1.4 μm พร้อมด้วยฟีเจอร์ O+EIS และ Phase Detection AF ถ้าดูเผิน ๆ กล้องของ Pixel 3 แทบไม่ได้ปรับจาก Pixel 2 มากนัก แต่สิ่งที่ถูกปรับมากที่สุดนั่นก็คือส่วนของ AI ที่ใน Pixel 3 ถูกปรับปรุงจากรุ่นเดิมแบบก้าวกระโดด เพื่อช่วยให้การถ่ายภาพดีขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว และลดความซ้ำซ้อนในการกดชัตเตอร์โดยไม่จำเป็น ซึ่งฟีเจอร์ใหม่ ๆ มีดังต่อไปนี้

Top Shot ให้ AI เลือกรูปที่ดีที่สุด

ฟีเจอร์แรกเป็นการให้ AI ช่วยเลือกรูปที่ดีที่สุด เพื่อป้องกันว่าเรากดชัตเตอร์แล้วจะได้ภาพที่ไม่ต้องการ หรือภาพที่ถ่ายออกมาแล้วดูไม่ดี โดยหลักการทำงานของมันก็คือ กล้องจะเปิดโหมด HDR+ ตั้งแต่เริ่มเปิดกล้อง และเมื่อกดถ่าย กล้องจะถ่ายภาพรัวเอาไว้ชุดหนึ่ง จากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของ AI ที่จะเลือกภาพที่ดีที่สุดในช็อตนั้นขึ้นมา

แม้จะกล้องเดี่ยว... แต่ซูมได้เยอะโดยไม่เสียรายละเอียด

ด้วยฟีเจอร์ Super Res Zoome ที่ใช้พลังของ AI บวกกับเทคนิค Computational Photography ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้สำหรับกล้องถ่ายภาพท้องฟ้า หรือกล้องดูดาว ผลก็คือ Pixel 3 สามารถซูมได้ลึกถึง 5 ระดับ โดยที่ไม่เสียรายละเอียดของภาพ หรือก่อให้เกิด Noise เลยแม้แต่น้อย

กล้องหน้ากว้างขึ้นกว่าเดิม ไม่ต้องพึ่งไม้เซลฟี่อีกต่อไป

ชิ้นส่วนกล้องหน้าของ Pixel 3 ได้มีการปรับชิ้นส่วนใหม่หมด โดยเปลี่ยนมาใช้เลนส์คู่ที่มีมุมกว้างเป็นพิเศษ โดยเลนส์ Wide มีมุมกว้าง 107 องศา เลนส์ Telephoto มีมุมกว้าง 75 องศา เมื่อบวกกับพลังของ AI แล้ว เลยทำให้กล้องหน้าถ่ายรูป Group Selfie แบบเก็บรายละเอียดบุคคลได้ทั้งหมด ด้วยมุมที่กว้างแบบสุด ๆ ถึง 184 องศา แถมภาพยังออกมาดูเนียน และชัดเจนมากกว่าที่เคย

ก้าวสู่โลกแห่ง AR เล่นให้สนุกได้กว่าที่เคย

ด้วยฟีเจอร์ Playground คุณสามารถ่ายรูปและสร้างรูปโดยใช้ AR Sticker ได้แบบอิสระ โดยในวันที่เปิดตัวมีความร่วมมือกับ Marvel Studios ให้สามารถพาเหล่าฮีโร่ต่าง ๆ ของ Marvel มาโลดแล่นอยู่บนภาพได้ และความร่วมมือกับ Childish Gambino ที่ในอนาคตคุณจะสามารถฝึกฝนทักษะการเต้นผ่าน Pixel ได้เลย

อยากรู้อะไรก็ส่องสิจ๊ะ... เดี๋ยวจะบอกให้

ถ้าคุณจำ Google Lens ได้ ฟีเจอร์นี้คือการผนวก Google Lens เข้ามาไว้ในกล้องแบบ Bixby Vision ของฝั่ง Samsung เลย นั่นหมายความว่าเพียงคุณเปิดกล้องขึ้นมาแล้วยกชูขึ้นส่องเท่านั้น ด้วยพลังของ AI จะช่วยแยก จำแนก และชี้ให้เห็นได้เลยว่าสิ่งที่คุณกำลังส่องอยู่นั้นคืออะไร และสามารถหาซื้อได้ที่ไหนเป็นต้น

นอกจากฟีเจอร์เด็ด ๆ ทั้ง 5 ข้อด้านบนแล้ว Pixel 3 ยังมีฟีเจอร์ด้านกล้องที่ถูกปรับปรุงอีกไม่น้อยดังนี้

  • ปรับปรุงเซ็นเซอร์ใหม่ร่วมกับใช้ AI ให้ถ่ายภาพกลางคืน/ภาพแสงน้อยได้ดีขึ้น
  • ภาพพอร์ทเทรทสามารถปรับรายละเอียดความตื้นลึกของพื้นหลังได้ รวมถึงสามารถปิดพื้นหลังให้เป็นสีดำหรือสีขาวเพื่อทำภาพแบบ Stage Light ได้
  • เพิิ่มลูกเล่นเวลาถ่ายภาพ Reaction หรือภาพตกใจให้ตื่นเต้นและสนุกกว่าเคยด้วยฟีเจอร์ Photobooth
  • เพิ่มระบบโฟกัสแบบจับวัตถุต่อเนื่อง (Motion Auto Focus) ช่วยให้ถ่ายวิดีโอได้สมูทขึ้น ภาพคมและไม่สูญเสียรายละเอียด

ปลอดภัยกว่าเดิมด้วย Titan M

ใน Pixel 3 และ Pixel 3 XL Google ได้เพิ่มชิปพิเศษขึ้นมาอีกหนึ่งชิป นั่นคือ “Titan M” ซึ่งเป็นชิปรักษาความปลอดภัยแบบเดียวกับที่ Google ใช้ในระดับเซิร์ฟเวอร์ของ Google Cloud Services โดยครั้งนี้ Google นำชิปตัวนี้มาใส่เพื่อใช้เก็บข้อมูลที่เป็นส่วนบุคคลและข้อมูลชีวภาพเอาไว้โดยเฉพาะ นั่นหมายความว่าใบหน้า ลายนิ้วมือ รหัสผ่านต่าง ๆ จะถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีในชิปตัวนี้

เลขาที่ฉลาดกว่าเดิม ตอบโทรศัพท์ได้ บล็อคได้ด้วย

อีกฟีเจอร์ที่เป็นจุดขายหลักของ Pixel 3 ก็คือฟีเจอร์ Screen Call นั่นคือเวลาที่มีเบอร์แปลก ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อโทรเข้ามา เราสามารถกด Screen Call เพื่อให้ Google Assistant ตอบโทรศัพท์แทนเราได้ และเราก็สามารถอ่านได้ว่าเขาโทรมาทำไม ถ้าเป็นสายสำคัญ เราสามารถเลือกได้ว่าจะคุยสายต่อ หรือเดี๋ยวโทรกลับ แต่ถ้าเป็นสายแบบก่อกวน เช่นโทรขายตรง ประกัน หรือแก๊ง Call Center เราสามารถสั่งให้ Google Assistant ตอบให้ปลายทางลบเบอร์เราออก และเซฟลง Blacklist ในเครื่องเพื่อบล็อคการโทรเข้าในอนาคตได้

ฟีเจอร์นี้อำนวยความสะดวกสำหรับคนที่ไม่สะดวกที่จะรับสายโดยเฉพาะ อย่างเช่นเวลาประชุมงาน หรือเวลาเร่งรีบแล้วเราไม่อยากรับสาย โดยการใช้เทคโนโลยี Duplex ที่เปิดตัวไปเมื่อครั้งงาน Google I/O ครั้งที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีเสียงติว่าการใช้ AI พูดสายแทนคน จะก่อให้เกิดความสับสน แต่ Google ก็น้อมรับข้อติในเรื่องนี้และเอากลับไปพัฒนาจนได้ฟีเจอร์นี้ออกมาให้ใช้งานนั่นเอง

สเปคปัจจุบันตามสมัยนิยม

เมื่อเป็นมือถือเรือธงก็ต้องมีสเปคที่เป็นเรือธงตามสมัยนิยมเช่นกัน ทั้งสองรุ่นมีสเปคภายในที่เหมือนกันคือใช้ชิป Snapdragon 845 มีแรมในตัว 4 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 64/128 GB ภาครับ Wi-Fi 5 (AC) พร้อม Active MIMO รองรับการชาร์จแบบไร้สาย และ Fast Charge และยังรองรับทุกเครือข่ายทั่วโลก พร้อมรองรับ eSIM สำหรับใช้งานแบบสองซิมแบบเดียวกับ iPhone XS (1 Nano SIM + 1 eSIM) เป็นต้น

แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือหน้าจอ ทั้งคู่เป็นหน้าจอ OLED เหมือนกัน มีค่า Contrast Ratio สูงถึง 100000:1 พร้อมรองรับมาตรฐาน HDR10 แต่ทว่า… Pixel 3 ที่เป็นรุ่นเล็ก มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว และเป็น OLED แบบ P-OLED ส่วนความละเอียดเป็น Full HD+ แต่รุ่นใหญ่ Pixel 3 XL มาพร้อมกับหน้าจอ OLED แบบแข็ง ขนาด 6.3 นิ้วบนความละเอียด QHD+

ขายเมื่อไหร่ อะไร ยังไง?

ใครที่สนใจ Pixel 3 จะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป โดยมีราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 799 ดอลลาร์สหรัฐฯ (Pixel 3) และ 899 ดอลลาร์สหรัฐฯ​ (Pixel 3 XL) มีให้เลือกสามสีคือ Clearly White (ขาวไง), Just Black (ก็ดำ..), Not Pink (ไม่ใช่ชมพู…?) และแต่ละรุ่นก็มีให้เลือกสองความจุคือ 64 และ 128 GB

โดยประเทศที่วางจำหน่ายก่อนคือประเทศที่มี Google Store เปิดให้บริการ นั่นก็คือ… สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น อินเดีย ไอร์แลนด์ อิตาลี สิงคโปร์ สเปน ไต้หวัน อังกฤษ และสหราชอาณาจักร ส่วนประเทศอื่น ๆ รอ Google ประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป

คณะแกดกวน #teamgadguan

อริญชย์ ชวะโนทัย (iBehemortHz)

เด็ก ป.โท ผู้สนใจในโลกดิจิทัลและสังคม และคอยเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงผ่านสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า "หน้าจอ" :)