ภายหลังจากที่ทางสหรัฐอเมริกาออกมาเป็นโต้โผใหญ่ในการเรียกร้อง ห้ามใช้งานอุปกรณ์โทรคมนาคมจาก Huawei และ ZTE ไปเมื่อช่วงครึ่งแรกของปี 2018 ที่ผ่านมา ก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มมีเสียงตอบรับออกมาจากชาติพันธมิตรมากขึ้นตามลำดับ โดยเป็นออสเตรเลียที่สั่งแบนเป็นรายแรก ก่อนตามมาด้วยแคนาดา และเยอรมนีที่ร่วมออกปากแต่ยังสงวนท่าทีในการลงคำสั่ง
ล่าสุดเป็นทางหน่วยงานงานด้านข่าวกรองจากประเทศนิวซีแลนด์ ที่ออกโรงปฏิเสธคำร้องของ Spark หนึ่งในผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งเป็นรายแรกที่ยื่นคำร้อง ต่อการเตรียมการที่จะพัฒนาระบบโครงข่าย 5G ด้วยอุปกรณ์จาก Huawei อย่างไรก็ดีคำร้องดังกล่าวต่อตกไป เนื่องจากนายพล Andrew Hampton ผู้อำนวยการหน่วยงานด้านข่าวกรองภายใต้สังกัดของรัฐบาล ระบุถึงการยืนยันต่อความเสี่ยงที่ว่าความมั่นคงชาติเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นตัวแปร
ด้านของ Huawei ยังหนักแน่นในคำตอบเดิมว่าไม่มีอะไรที่ต้องเป็นกังวลต่อการแทรกแซง และระบุอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของ Geng Shuang โฆษกรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ ที่เปิดเผยว่า ปัจจุบัน Huawei มีการเซ็นข้อตกลงในการพัฒนาระบบโครงข่าย 5G ทั่วโลก ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายไปแล้วเป็นจำนวนมากกว่า 20 สัญญา และโดยทาง Huawei เองก็ลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อการพัฒนาระบบโครงข่าย 4G ในนิวซีแลนด์มาตั้งแต่ช่วงแรกๆ แล้วด้วยวงเงินประมาณ 270 ล้านเหรียญสหรัฐ
กระนั้น Andrew Little รัฐมนตรีด้านการข่าวกรองของนิวซีแลนด์ ระบุเพิ่มเติมว่า เนื่องจากในการกำหนดระบบโครงข่าย 5G มีข้อแตกต่างจากระบบ 4G/G3 ที่ติดตั้งที่ใช้งานในปัจจุบัน โดยตัวเทคโนโลยีใหม่ทุกชิ้นส่วนในโครงข่ายจะสามารถูกใช้งานเข้าระบบเครือข่ายได้ทั้งหมด โดยทางเครือข่าย Spark ระบุเพียงสั้นๆ ว่าจะกลับไปตรวจสอบถึงสาเหตุเบื้องหลังในการถูกปฏิเสธครั้งนี้ก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ต่อไป และทาง 2degrees เครือข่ายคู่แข่งของ Spark ได้ออกมาแสดงความผิดหวังต่อการตัดสินใจดังกล่าว ส่วน Vodafone ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น